นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ
(PHOL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ
เตรียมความพร้อมเข้าประมูลงานระบบน้ำประปาชุมชนเพิ่มในปีงบประมาณ 2560
โดยวางเป้าหมายได้รับงานมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท หลังจากในปี 59
เข้ารับงานก่อสร้างระบบประปาชุมชนอย่างต่อเนื่อง
โดยขณะนี้ได้เซ็นสัญญารับงานแล้ว 135 โครงการ
และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีก 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
ซึ่งเริ่มทยอยรับรู้รายได้ไปบ้างแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
และจะสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีระยะเวลาในการก่อสร้างเฉลี่ยโครงการละประมาณ 6-8
เดือนเท่านั้น โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้อีกประมาณ 30% ในไตรมาส 2/59
ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2559
ภาพรวมธุรกิจในปี 2559 มองว่าจะมีทิศทางเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแผนงานที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าไว้ และมีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐบาลและภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทฯให้ความสำคัญในการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมุ่งเน้นเข้าประมูลรับงานโครงการด้านระบบบำบัดน้ำจากทั้งภาครัฐและภาค เอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่ารายได้จากงานก่อสร้างระบบน้ำจะมีมาร์จิ้นไม่สูงนัก แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็อยู่ในเกณท์ต่ำทำให้กำไรอยู่ในระดับเดียวกับ ธุรกิจเดิม
นอกจากนี้บริษัทมีความสามารถในการรับงานได้จำนวนมาก และมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ก็ทำให้กำไรเติบโตขึ้นได้ ด้านธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ SAFETY อาจได้รับผลกระทบบ้างจากภาคการผลิตในอุตสาหกรรมโดยรวมที่ยังเป็นการฟื้น ตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เชื่อมั่นว่าธุรกิจ SAFETY ของบริษัทยังสามารถเติบโตได้ จากการมุ่งเน้นรักษาลูกค้าที่มีศักยภาพและการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่
ด้านนายพรศักดิ์ ชุนหจินดา กรรมการผู้จัดการ PHOL เปิดเผยว่า บริษัทฯได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเพิ่มทุน เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) และออกใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(PHOL-W1) และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เสนอให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-Warrant) โดยจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติประเด็นดังกล่าว ในวันที่ 29 ส.ค.59
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 88.99 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 161.99 ล้านบาท เป็น 250.99 ล้านบาท ด้วยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน หุ้นจำนวน 88.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จัดสรรไม่เกิน 40.49 ล้านหุ้น เสนอให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม (RO) ในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในกระดาน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 ปิดตลาดที่ระดับ 3.88 บาท
นอกจากนี้ ได้จัดสรรอีกไม่เกิน 40.49 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1(PHOL-W1) โดยไม่คิดมูลค่า และอีก 8 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิ ESOP-Warrant โดยมีมติกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตาม สัดส่วนการถือหุ้นเดิมของบริษัท(Record Date) ในวันที่ 6 ก.ย.59 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ในวันที่ 7 ก.ย.59 และวันจองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน 26-30 ก.ย.59
"สาเหตุของการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไปรองรับการ ขยาย ธุรกิจจากการรับงานโครงการก่อสร้างระบบน้ำประปาชุมชน และโครงการน้ำที่จะเกิดเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนและฐานะทางการเงินของ บริษัท และยังทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการรับงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชนต่อผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผล ซึ่งบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%"นายพรศักดิ์กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2469400
ภาพรวมธุรกิจในปี 2559 มองว่าจะมีทิศทางเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแผนงานที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าไว้ และมีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐบาลและภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทฯให้ความสำคัญในการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมุ่งเน้นเข้าประมูลรับงานโครงการด้านระบบบำบัดน้ำจากทั้งภาครัฐและภาค เอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่ารายได้จากงานก่อสร้างระบบน้ำจะมีมาร์จิ้นไม่สูงนัก แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็อยู่ในเกณท์ต่ำทำให้กำไรอยู่ในระดับเดียวกับ ธุรกิจเดิม
นอกจากนี้บริษัทมีความสามารถในการรับงานได้จำนวนมาก และมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ก็ทำให้กำไรเติบโตขึ้นได้ ด้านธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ SAFETY อาจได้รับผลกระทบบ้างจากภาคการผลิตในอุตสาหกรรมโดยรวมที่ยังเป็นการฟื้น ตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เชื่อมั่นว่าธุรกิจ SAFETY ของบริษัทยังสามารถเติบโตได้ จากการมุ่งเน้นรักษาลูกค้าที่มีศักยภาพและการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่
ด้านนายพรศักดิ์ ชุนหจินดา กรรมการผู้จัดการ PHOL เปิดเผยว่า บริษัทฯได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเพิ่มทุน เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) และออกใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(PHOL-W1) และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เสนอให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP-Warrant) โดยจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติประเด็นดังกล่าว ในวันที่ 29 ส.ค.59
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 88.99 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 161.99 ล้านบาท เป็น 250.99 ล้านบาท ด้วยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน หุ้นจำนวน 88.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จัดสรรไม่เกิน 40.49 ล้านหุ้น เสนอให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม (RO) ในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในกระดาน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 ปิดตลาดที่ระดับ 3.88 บาท
นอกจากนี้ ได้จัดสรรอีกไม่เกิน 40.49 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1(PHOL-W1) โดยไม่คิดมูลค่า และอีก 8 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิ ESOP-Warrant โดยมีมติกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตาม สัดส่วนการถือหุ้นเดิมของบริษัท(Record Date) ในวันที่ 6 ก.ย.59 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ในวันที่ 7 ก.ย.59 และวันจองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน 26-30 ก.ย.59
"สาเหตุของการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไปรองรับการ ขยาย ธุรกิจจากการรับงานโครงการก่อสร้างระบบน้ำประปาชุมชน และโครงการน้ำที่จะเกิดเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนและฐานะทางการเงินของ บริษัท และยังทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการรับงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชนต่อผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผล ซึ่งบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%"นายพรศักดิ์กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2469400
ไม่มีความคิดเห็น: